สิวอุดตัน
สิวอุดตัน นับว่าเป็นสิวที่สร้างความกวนใจต่อผู้ที่ต้องเผชิญอยู่ไม่น้อย เพราะสิวอุดตันคือสิวที่พบได้มากที่สุด ซึ่งมันจะผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเราและสร้างความรำคาญใจให้กับเจ้าของใบหน้า เพราะมันทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน ขรุขระเป็นตุ่มเป็นเนิน แม้ว่าสิวชนิดนี้จะดูสงบเสงี่ยมเจียมตัวไม่สร้างความเจ็บปวด แต่มันก็ดื้อด้านพอสมควร ไม่มีทางหายไปได้เอง พูดง่าย ๆ ว่าถ้าไม่รีบกำจัดออกมันก็จะยิ่งอัดแน่นในรูขุมขุมขนและอาจลุกลามจนเกินเยียวยา จนเข้าขั้นเป็นสิวโคม่าเลยทีเดียว
พึงระลึกไว้เถอะว่า ถ้าสิวอุดตันฝังอยู่บนหน้าเรานานแค่ไหน ยามที่เราเอามันออกมามันจะทิ้งหลุมลึกไว้ (ลึกตามระยะเวลาที่มันสิงสถิตอยู่บนใบหน้าของเรา) แถมรูขุมขนก็ใหญ่ขึ้นตามขนาดของเม็ดสิวอักด้วย เรียกได้ว่า เจ้าสิวอุดตันนี่แหละที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ผิวหน้าที่เคยเรียบเนียนของเราต้องกลายเป็นหลุมเป็นบ่อแบบพระจันทร์
พึงระลึกไว้เถอะว่า ถ้าสิวอุดตันฝังอยู่บนหน้าเรานานแค่ไหน ยามที่เราเอามันออกมามันจะทิ้งหลุมลึกไว้ (ลึกตามระยะเวลาที่มันสิงสถิตอยู่บนใบหน้าของเรา) แถมรูขุมขนก็ใหญ่ขึ้นตามขนาดของเม็ดสิวอักด้วย เรียกได้ว่า เจ้าสิวอุดตันนี่แหละที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ผิวหน้าที่เคยเรียบเนียนของเราต้องกลายเป็นหลุมเป็นบ่อแบบพระจันทร์
ชนิดของสิวอุดตัน
- สิวอุดตินชนิดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (Microcomedone) โดยธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น จะเริ่มมีการสร้างฮอร์โมนที่เรียกว่าแอนโดรเจน ต่อมไขมันจะเริ่มตอบสนองต่อฮอร์โมนตัวนี้ ทำให้มีการหลั่งไขมันมากขึ้น นอกจากนี้แอนโดรเจนยังไปกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ชั้นขี้ไคลของรูขุมขนได้ด้วย จนทำให้เกิดลักษณะที่เรียกว่า “ไมโครโคมีโดน” ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวทั้งหลาย ซึ่งไมโครโคมีโดนนี้อาจจะหายไปได้เองหรือพัฒนาต่อไปกลายเป็นสิวลักษณะอื่น ๆ ได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยร่วมบางอย่าง เช่น หากมีการสะสมของไขมันและเซลล์ชั้นขี้ไคลมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้เกิดสิวอุดตันหัวเปิดหรือสิวอุดตันหัวปิด แต่ถ้ามีแบคทีเรีย P.acne ก็จะกลายเป็นสิวอักเสบ
- สิวอุดตันหัวเปิด (Open comedone) ชนิดนี้จะมีหัวสีดำ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สิวหัวดำ” (Black head) สิวแบบนี้เราสามารถบีบหรือกดมันออกได้ แต่ต้องทำอย่างถูกวิธี เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดการอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบได้ โดยสิวหัวดำจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กน้อย มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 0.1-3 มิลลิเมตร หากสังเกตดี ๆ จะมีจุดดำอยู่ตรงกลาง ซึ่งจุดเหล่านี้เป็นกลุ่มเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ไขมัน และเชื้อ P.acne ที่อุดอยู่ในท่อเปิดของต่อมไขมัน
- สิวอุดตันหัวปิด (Closed comedone) ชนิดนี้จะมีลักษณะเป็น “สิวหัวขาว” (White head) สิวประเภทนี้จะไม่มีหัวให้เรากดออก แล้วถ้าเรายิ่งไปกดไปบีบไขมันที่ไม่มีทางออกจะทะลักกลับไปในผิว ทำให้เนื้อเยื่อเสียหายได้ โดยจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กน้อย มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.1-3 มิลลิเมตร มีสีเดียวกับผิวหนังปกติ สิวชนิดนี้จะเกิดจากการอุดตันสะสมอยู่ในท่อเปิดของต่อมไขมันและรูขุมขน แต่ท่อเปิดจะเล็กมากจนมองไม่เห็น และสิวหัวปิดขนาดใหญ่อาจอยู่ได้นานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และประมาณ 75% ของสิวชนิดนี้จะกลายไปเป็นสิวอักเสบ
สาเหตุการเกิดสิวอุดตัน
หลายคนสงสัยว่าเจ้าสิวอุดตันนั้นมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เป็นเพราะเราสกปรกเกินไปอย่างนั้นหรือ จริง ๆ แล้วเจ้าสิวอุดตันนั้นมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันทำการสร้างน้ำมันมากเกินไปนั่นเอง โดยสิ่งที่ควบคุมการผลิตน้ำมันบนใบหน้าก็คือ ฮอร์โมนแอนโดรเจน (androgen) เมื่อเจ้าต่อมนี้ผลิตน้ำมันออกมาเยอะจนเหลือใช้แล้วตกค้างอยู่ในรูขุมขน มันก็จะไปรวมตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เหตุนี้เองจึงทำให้น้ำมันนั้นข้นหนืดจนระบายออกไปไม่ได้ แต่ส่วนที่ระบายออกมาได้เราก็จะสังเกตได้ด้วยตาเปล่าเลยว่าหน้าจะมันแผลบหรือเยิ้มไปด้วยน้ำมัน แล้วเวลาที่หน้ามันมาก ๆ จึงทำให้บางคนหันมาใช้กระดาษซับมัน ซับหน้าทั้งวัน เพราะคิดว่าเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่จะช่วยกำจัดความมันออกไปได้ แต่รู้มั้ยว่าการทำแบบนี้จะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ถ้าเลี่ยงได้ก็ขอให้เลี่ยงเถอะ
ถ้าพูดถึงฮอร์โมน เราจะไปโทษฮอร์โมนอย่างเดียวก็ดูจะไม่เป็นธรรมนัก เพราะนอกจากสาเหตุนี้ที่ทำให้เกิดสิวอุดตันแล้ว ก็ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีก ที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวอุดตันขึ้นมาได้ เช่น เรื่องของความเครียด ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงใกล้หมดประจำเดือน การแพ้เครื่องสำอาง ปัญหาผิวแพ้ง่าย การล้างหน้าไม่สะอาด จากยาสเตียรอยด์ หรือรับประทานยา Prednislone เป็นประจำ เป็นต้น
advertisements
วิธีกําจัดสิวอุดตัน
- ดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความสะอาดบนใบหน้า เลือกใช้เครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิว เพราะความสกปรกที่เกิดขึ้นมาจากความไม่ตั้งใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นการลืมล้างมือแล้วเอามือไปสัมผัสใบหน้า หรือบางคนมีผิวหน้าบอบบางแพ้ง่าย แต่ยังใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม เหล่านี้อาจเป็นตัวการทำให้เกิดสิวได้ เลี่ยงการสัมผัส เช็ดถูหน้า หรือนวดหน้าแรง ๆ พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ดื่มน้ำให้มาก ๆ ในแต่ละวัน เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดอาหารที่มีไขมันสูง หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีมลพิษมาก ๆ และสถานที่อับชื้น ฯลฯ หากรักษาตามวิธีด้านล่างแล้วแต่ยังไม่ได้ผล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังจะดีที่สุด เนื่องจากสิวอาจเกิดมาจากกรรมพันธุ์ก็ได้
- หลีกเลี่ยงแสงแดด แสงแดดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหน้าที่เป็นสิวอยู่แล้วเผชิญกับภาวะที่รุนแรงมากขึ้น หากเราไม่ป้องกันแสงแดดที่จะกระทบต่อผิวหน้าของเราโดยตรง โดยในระหว่างการใช้ยาทารักษาสิวอุดตันเราจำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะผลิตภัณฑ์รักษาสิวส่วนใหญ่นั้นมักมีผลทำให้ผิวหน้าไวต่อแสง และที่สำคัญอย่าลืมล้างครีมกันแดดออกให้สะอาดหมดจดด้วยล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะเกิดการอุดตันซ้ำซ้อนบนใบหน้าของเราได้ จนรักษาไม่จบไม่สิ้นซักที
- ควบคุมความมันบนใบหน้า เมื่อเราผ่านขั้นตอนการกำจัดสิวอุดตันออกมาจากผิวได้แล้ว สิ่งที่ควรทำอีกอย่างก็คือ ควรลดน้ำมันบนใบหน้าควบคู่ไปด้วย และอย่าให้อะไรมาอุดตันรูขุมขนของเราได้ ถ้าผิวหน้าไม่แพ้ AHA และ BHA เราอาจใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวนี้เป็นประจำเพื่อช่วยในการป้องกันการเกิดสิวได้
- ใช้เบนซอยล์เพอร์ออกไซด์ หรือ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide – BP) หรือ ยาบีพี (สามารถช่วยลดสิวอุดตันได้ในระดับปานกลาง) มีอยู่หลายยี่ห้อด้วยกัน เช่น Benzac AC, Enzoxid, Brevoxyl (Water based), PanOxyl(Alcohol based), ACNEXYL (เนื้อเจล) เพียงแค่คุณนำมาใช้ทาให้ทั่วหน้าก่อนการล้างวันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็นหรือก่อนนอน โดยให้ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด โดยยาประเภทนี้จะออกฤทธิ์ไปลดปริมาณไขมันที่ผิวหนังและช่วยละลายสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขน จึงช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันได้ สำหรับผู้เริ่มใช้ควรใช้ในขนาดความเข้มข้นต่ำก่อนนะครับ หรือขนาด 2.5% เมื่อผิวเริ่มชินกับยาแล้ว จึงค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาการทาให้นานขึ้น และเพิ่มความเข้มข้นของยาเป็น 5% หรือ 10% ไขมันที่อุดตันก็จะถูกละลาย และสามารถกดออกมาได้โดยง่าย
- ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) หรือ ยาละลายสิวอุดตัน เป็นสารสกัดจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ (สามารถลดสิวอุดตันได้ในระดับดี) มีสรรพคุณช่วยละลายไขมันที่อุดตันให้อ่อนตัวและหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น แต่ยาทาจำพวกนี้ก็มีผลข้างเคียงที่อาจทำให้ผิวแห้ง แดงและลอก ไม่สามารถใช้กับสตรีตั้งครรภ์ได้ อีกทั้งการใช้ยากลุ่มนี้ก็ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนิง โดยยี่ห้อที่รู้จักกันดีและได้รับความนิยมอย่างล้นหลามก็คือ เรตินเอ (Retin-A) ครับ ซึ่งจะมีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.025%, 0.05% และ 0.1% ยิ่งมีความเข้มข้นสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งละลายสิวอุดตันได้ดีเท่านั้น แต่ก็ทำให้ระคายเคืองผิวมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นผู้เริ่มใช้ใหม่ ๆ คุณควรใช้แบบความเข้มข้น 0.025% ไปก่อนครับ หลังการใช้อาจทำให้ผิวหน้าแห้งลอกออกเป็นขุยและทำให้สิวเห่อขึ้นได้ แต่หลังจากใช้ไปสักระยะหนึ่งแล้ว ผิวหน้าของคุณก็ค่อย ๆ ดูสดใสมากขึ้น ไม่มีสิวกวนใจ แถมริ้วรอยตื้น ๆ ยังจางลงอีกด้วย (ภาพ : pantip.com by KhongkwanNK)
แม้ยาชนิดนี้เป็นยาที่ได้รับการแนะนำให้ใช้มากที่สุด แต่ก็พบว่ามีคนแพ้มากกว่ายาตัวอื่นเช่นกัน ปัจจุบันจึงทำให้มีผลิตภัณฑ์เพิ่มเข้ามาอย่าง ทาซาโรทีน (Tazarotene) ยี่ห้อ Tazorac® และ อะดาพาลีน (Adapalene) ยี่ห้อ Differin® ซึ่งยาทาเหล่านี้ถ้าคุณไม่ใจเย็นและใจแข็งในการใช้จริง ๆ ก็อาจทำให้ถอดใจล้มเลิกไปกลางคันได้ เพราะตัวยามันจะเข้าไปทำให้ไขมันที่อุดตันในรูขุมขนดันตัวออกมาจากรูขุมขน เลยทำให้เหมือนจะเป็นสิวเยอะขึ้น (สิวเห่อ) หลายคนจึงรับไม่ได้กับสภาพหน้าของตัวเอง จนเป็นเหตุให้หยุดใช้ยาไปเสียก่อน ยิ่งบางคนที่มีแบคทีเรีย P.acne รออยู่บนผิวเยอะ ก็จะยิ่งทำให้มีอาการอักเสบมากขึ้นเข้าไปใหญ่เลยล่ะ แต่อย่างที่บอกถ้าเราไม่เอามันออก มันก็จะอยู่กับเราตลอดไปนั้น ถ้าใครรักษาและอยู่ในช่วงนี้ก็ขอให้ทำใจไว้เลย หากผ่านมันไปได้ในอนาคตใบหน้าอันสดใสก็ไม่ไกลเกินเอื้อมมืออย่างแน่นอน และนอกจากนี้สารสกัดจากวิตามินเอจะช่วยเรื่องสิวแล้ว มันยังช่วยเรื่องริ้วรอยบนผิวหน้าได้อีกด้วย ยิ่งถ้าใช้อย่างต่อเนื่องกันนาน 3 เดือน รูขุมขนจะกระชับขึ้นและลงอย่างแน่นอน
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท AHA และ BHA สำหรับใครที่ไม่สามารถใช้ Retinoids ได้ คุณอาจใช้สารสกัดประเภท AHA (Glycolic acid) และ BHA (Salicylic acid) ก็ได้ ซึ่งยาเหล่านี้จะมีทั้งในรูปแบบโลชั่นและของเหลวให้เลือกใช้ แม้ว่ามันจะให้ผลช้ากว่า แต่ก็มีผลข้างเคียงน้อยกว่าด้วย โดยในส่วนของ AHA นั้นจะทำหน้าที่ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เมื่อเรากำจัดมันได้ ก็เหมือนเป็นการป้องกันการเกิดสิวไปได้ในตัว ส่วน BHA นั้นมันจะลงลึกเข้าไปในรูขุมขนเพื่อละลายไขมัน (ลดสิวอุดตันได้ในระดับปานกลาง) คนที่ใช้ BHA เป็นประจำ จึงทำให้สิวอุดตันจะถามหาได้ยากมาก แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้สิวที่แข็งตัวนั้นหลุดออกมาได้ก็ตาม แต่ก็สามารถทำให้มันอ่อนตัวและเอาออกมาได้โดยง่าย
- ยารับประทานกลุ่ม Retinoids อย่างเช่น Roaccutane, Isotretionoin ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 10 และ 20 mg. (ใช้ตามลักษณะความรุนแรงของอาการ) เป็นยาที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันในร่างกาย ทำให้หน้าแห้ง หน้ามีความมันน้อยลง และยังลดคอมีโดนที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว เมื่อต่อมไขมันไม่ผลิตไขมัน สิวก็จะไม่เกิด แต่เนื่องจากเป็นยากลุ่มนี้ที่มีผลต่อตับอย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น ตาพล่ามัว มีอาการปวดข้อตามร่างกาย และยานี้ต้องจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด
- การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peeling) ด้วยการใช้น้ำยาเคมีนำมาบนผิวหน้าเพื่อทำให้เกิดการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังชั้นบน ตามมาด้วยการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน โดยสารเคมีที่นิยมนำมาใช้ก็ได้แก่ AHA หรือ Glycolic acid 30-70%, BHA หรือ Salicylic acid 30-50%, TCA หรือ Trichloroacetic acid 10-30%, Phenol (carbolic acid), Jessner’s solution เป็นต้น เพื่อเป็นการช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้สิวอุดตันฝ่อตัวและหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามการใช้วิธีนี้มักจะได้ผลในระยะเวลาสั้น ๆ คุณอาจต้องทายาร่วมด้วยเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีก
- กดสิวอุดตัน อีกหนึ่งวิธีกําจัดสิวอุดตันที่ใช้ได้เฉพาะกับสิวอุดตันหัวเปิดเท่านั้น และควรทำโดยผู้ที่เชี่ยวชาญและมีอุปกรณ์การกดสิวที่มีคุณภาพเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นและหลุมสิวในภายหลัง ส่วนขั้นตอนการทำนั้นแพทย์จะใช้เข็มฆ่าเชื้อจิ้มไปที่หัวสิวเพื่อให้หัวสิวเปิด หลังจากนั้นแพทย์จะใช้ที่กดสิวกดลงไปตรงสิวที่ใช้เข็มจิ้มเอาไว้ โดยให้สิวอยู่ตรงกลางหรืออยู่ในทิศทางที่เราจะกด แล้วค่อย ๆ ออกแรงกดลงไป วิธีนี้จะทำให้สิวอุดตันหลุดออกมาได้โดยง่าย (ภาพ : erk-erk.com)
- การทำไอออนโตหรือโฟโน เป็นการใช้เครื่องมือรักษาสิวอุดตันร่วมกับการใช้เจลวิตามินเอ ซึ่งเครื่องมือประเภทนี้จะช่วยในการผลักยาหรือวิตามินให้ซึมลึกเข้าสู่ผิว ซึ่งวิตามินเอจะช่วยละลายสิวอุดตัน การทำในช่วงแรก ๆ อาจทำให้ผิวหน้าแห้งชลอกเป็นขุย ทำให้สิวอุดตันหลุดออกมาได้โดยง่าย ระหว่างการรักษาสิวอุดตันที่มีอยู่เดิมอาจจะเห่อขึ้นมาก่อน (แล้วจะหายในภายหลัง) หากทำเป็นประจำหน้าจะใสขึ้นมาก โดยแนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งจะเห็นผลได้เร็วกว่าการทายาในกลุ่มวิตามินเอแน่นอน โดยเครื่องไอออนโตจะให้ผลในการผลักวิตามินได้ดีกว่าเครื่องโฟโน แต่ข้อเสียของเครื่องไอออนโตคือ เวลาทำจะรู้สึกช๊อตจี๊ด ๆ ที่หน้า ไม่เหมือนเครื่องโฟโนที่ทำแล้วรู้สึกสบาย ส่วนราคาในการทำต่อครั้งก็ประมาณ 200-500 บาท
- การกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี (Microdermabrasion – MD) เป็นการผลัดผิวหน้าในส่วนของความลึกระดับผิวหนังกำพร้า ด้วยการพ่นคริสตัลซึ่งทำด้วยผลึกอลูมิเนียมออกไซด์ขนาดเล็ก เพื่อช่วยในการผลัดผิว ผลที่ได้รับก็คือ จะทำให้ผิวหนังส่วนที่มีรอยคล้ำ รอยบุ๋มจากแผลเป็นหรือหลุมสิวที่เกิดในชั้นผิวหนังถูกกำจัดออกไป จนเกิดการสร้างผิวหนังขึ้นมาใหม่ วิธีนี้นอกจากจะช่วยลดรอยดำ แผลเป็น และหลุมสิวได้แล้ว ยังช่วยทำให้สิวที่อุดตันหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น (แต่วิธีนี้ค่อนข้างจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ถ้าจะรักษาสิวอุดตันโดยเฉพาะ ก็ไม่แนะนำให้ทำครับ)
- เลเซอร์สิวอุดตัน อย่างการใช้เลเซอร์ CO2 เหมาะสำหรับคนที่เป็นสิวอุดตันจำนวนมาก อยู่ลึก กดออกได้ยาก หรือกดไม่ออกเลย (ถึงขนาดเอาเข็มจิ้มเปิดหัวก็ยังไม่ยอมออก) ซึ่งการกําจัดสิวอุดตันด้วยเลเซอร์นี้จะมีประสิทธิภาพดีมากกับสิวอุดตันที่อยู่ลึก ๆ โดยไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นและไม่มีเลือดออก แต่ต้องทำอยู่โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังนะครับ ระหว่างการทำเลเซอร์อาจมีเจ็บจี๊ดบ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่พอทนได้ครับ
- สูตร BP + AHA สำหรับสูตรนี้ถือเป็นสูตรเร่งรัดสำหรับคนที่มีสิวอุดตันขึ้นก่อนถึงวันสำคัญ เป็นสูตรเร่งด่วนที่จะช่วยทำให้สิวยุบตัวลงได้อย่างรวดเร็ว วิธีการก็คือ ให้เราใช้ BP มาสู้กับสิวอุดตันเพื่อป้องกันการอักเสบ จากนั้นก็ตามด้วย AHA หรือ BHA ก็ได้ (เพื่อช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและละลายไขมันให้ยุบตัวลง) เมื่อลงผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปแล้ว สิวจะเริ่มแห้งและยุบตัวลง พอมันแห้งเราก็แค่ใช้การแต่งหน้ากลบ โดยเลือกคอนซีลเลอร์ที่ใช้สำหรับกลบรอยสิวโดยเฉพาะ (ห้ามลงเมคอัพตัวอื่นในบริเวณที่เราลงคอนซีลเลอร์) แต่อย่าลืมว่าถ้าเสร็จธุระแล้วก็ต้องรีบล้างเครื่องสำอางออกจากผิวหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้มีสิวเพิ่มขึ้น
- สูตร BP + AHA / BHA + ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ เป็นสูตรสำเร็จในการรักษาสิวอุดตันอย่างได้ผล โดยเริ่มจากให้คุณใช้ยา BP นำมาทาให้ทั่วหน้าก่อนการล้างหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที (วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน) แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด (ยาชนิดนี้จะช่วยฆ่าเชื้อ P.acne ลดปริมาณไขมันที่ผิว และช่วยละลายสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน จึงช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันได้ ประมาณว่าลดการเกิดสิวใหม่) จากนั้นตามด้วยการทา AHA หรือ BHA เพื่อช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและละลายไขมันให้อ่อนตัวลง แล้วก็ตามด้วยผลิตภัณฑ์ประเภทเรตินอยด์ เพื่อช่วยละลายสิวอุดตัน (จะเลือกใช้เรตินเอหรือดิฟเฟอรินก็ได้ครับ ตามความเหมาะสม) แถมอีกนิดว่ายาประเภทนี้จะค่อนข้างไวต่อแสง แนะนำว่าถ้าทาเสร็จแล้วก็ให้รีบปิดไฟแล้วรอประมาณ 20 นาที ก่อนจะลงยาตัวต่อไป (แต่ถ้าใจร้อนก็รอให้ยาแห้งพอก็ได้) ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบด้วยก็ให้แต้มหัวสิวอักเสบด้วยคลินดามัยซิน แล้วตามด้วยการบำรุงผิว ส่วนตอนกลางวันนั้นก็แค่ใช้บีพีแล้วล้างหน้าตามปกติ ทาครีมบำรุง และตามด้วยครีมกันแดด เป็นอันจบครับ ทำได้ประมาณ 1-3 เดือน รับรองได้เลยว่า หล่อสวยกันทุกคนครับ
- สูตรมะเขือเทศ สำหรับสิวอุดตันที่ไม่มีหัว ถ้าเราไม่พึ่งหมอให้เจาะออกก็คงต้องทำให้ยุบลงเอง ด้วยการใช้สูตรมะเขือเทศซึ่งเป็นสูตรที่ทำได้บ่อย ๆ (มะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินเอซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินและทำให้รูขุมขนเล็กลงได้) โดยการนำมะเขือเทศลูกแดง ๆ มาฝานแล้วถูให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออก เพียงเท่านี้สิวอุดตันก็ยุบตัวลง และมีหัวให้เราพอกำจัดมันออกมาได้ (ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้ง หลังทำแล้วหน้าตึงมาก ก็ควรเว้นระยะการทำจากสัปดาห์ละครั้งเป็นสองสัปดาห์หนึ่งครั้งแทน)
- สูตรหอมแดง เป็นสูตรที่ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ด้วยการนำหอมแดงมาหั่นเป็นแว่น ๆ บาง ๆ หั่นเสร็จแล้วก็ขยี้หอมแดงแล้วนำมาทาที่หน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก ระหว่างรออาจแสบจนน้ำตาไหลได้ (เวลาทาก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่ทาใกล้ตามากจนเกินไป) แต่ว่าผลที่ได้ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะหลังทำเสร็จเจ้าสิวอุดตันจะยุบตัวลง บางหัวก็โผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นหัวดำ ๆ อีกทั้งรอยดำจากการแกะสิวก็ยังจางลงอีกด้วย ส่วนสาเหตุที่หอมแดงสามารถนำมาใช้รักษาสิวได้นั้น ก็เนื่องมาจากหอมแดงนั้นมีสารเพคติน (Pectin) ที่ช่วยในการยับยั้งแบคทีเรีย ที่ให้ผลดีทั้งการทาและการรับประทาน ยิ่งไปกว่านั้นหอมแดงยังช่วยลดความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้อีกด้วย
- สูตรเปลือกส้มหรือเปลือกมะนาวผสมโยเกิร์ต ให้คุณใช้เปลือกส้มหรือเปลือกมะนาวที่สับละเอียดแล้วนำมาผสมกับโยเกิร์ต นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก จะสามารถช่วยกำจัดสิวอุดตันออกไปจากใบหน้าได้
- สูตรน้ำผึ้ง อีกหนึ่งสมุนไพรรักษาสิวอุดตัน ให้คุณใช้น้ำผึ้งพอกหน้าสัปดาห์ละ 4 ครั้ง ก่อนพอกควรล้างมือให้สะอาด ในขณะที่พอกให้ใช้มือนวดหน้าแล้ววนไปเรื่อย ๆสัก 3 นาที ก็สามารถช่วยเรื่องสิวอุดตันได้อีกทางหนึ่ง
เรียบเรียงข้อมูลโดย ฟรินน์.คอม (ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น