วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

นักวิทยาศาสตร์ของโลก


นักวิทยาศาสตร์ของโลก
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
1. เซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton)
 
          แน่นอนว่าในบรรดานักวิทยาศาสตร์เก่งๆจะขาดนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษอย่าง เซอร์ไอแซก นิวตัน ไม่ได้เด็ดขาด โดย เซอร์ไอแซก นิวตัน เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1642 (พ.ศ. 2185) และเสียชีวิตลงขณะอายุ 46 ปี ในวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1727 หรือ พ.ศ. 2270 (ตามปฏิทินจูเลี่ยนของ จูเลียส ซีซาร์) ซึ่งเขาเป็นอัจฉริยะที่เก่งรอบด้านทั้งในฐานะนักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักปรัชญา นักเล่นแร่แปรธาตุ และนักเทววิทยา โดยผลงานเด่นที่สุดของเขาที่คนรู้จักกันดีที่สุดก็คือ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันและกฎแรงโน้มถ่วงสากล ที่เขาคิดขึ้นมาได้จากการสังเกตผลแอปเปิ้ลที่ตกจากต้นนั่นเอง
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก 

2. หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) 
 
          หลุยส์ ปาสเตอร์ เป็นนักเคมีและนักจุลชีววิทยาชาวฝรั่งเศส เกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม             ค.ศ. 1822 (พ.ศ. 2365) และเสียชีวิตลงในวัย 72 ปี เมื่อวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1895                 (พ.ศ. 2438) ซึ่งเขาคนนี้ถือว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ช่วยชีวิตผู้คนมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเป็นผู้คิดค้นวิธีรักษาโรคต่าง ๆ มากมาย เช่น โรคพิษสุนัขบ้าและโรคแอนแทร็คซ์             ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น จากการคิดค้นวิธีพาสเจอร์ไรซ์                         เพื่อฆ่าเชื้อโรคและถนอมอาหารให้เก็บได้นานขึ้นอีกด้วย
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก 

3. กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)
 
          นักวิทยาศาสตร์ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของฉายา "บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ยุคใหม่" คนนี้ เกิดที่ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1564 (พ.ศ. 2107) และมีชีวิตอยู่จนอายุ 77 ปี จนกระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1642 (พ.ศ. 2185) โดยเขาเป็นผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับแนวคิดของวิทยาศาสตร์ยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง ด้วยการยึดมั่นในทฤษฎีของตัวเองว่าดาวเคราะห์เป็นฝ่ายหมุนรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งขัดกับความเชื่อของชาวคริสต์ในสมัยก่อนที่สนับสนุนทฤษฎีของอริสโตเติลที่เชื่อว่าพระอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นฝ่ายหมุนรอบโลก จนทำให้เขาถูกห้ามไม่ให้สอนนักเรียนของเขาเกี่ยวกับทฤษฎีนี้อีก มิฉะนั้นจะถูกจับเผาทั้งเป็น เขาจึงได้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ขึ้นมาด้วยตัวเองเพื่อศึกษาเพิ่มเติมและพิสูจน์ว่าทฤษฎีของเขาเป็นความจริงในที่สุด
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก 

4. มารี กูรี (Marie Curie)
 
          มารี กูรี เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวโปแลนด์ เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1867 (พ.ศ. 2410) และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1934 (พ.ศ. 2477) ในวัย 66 ปี ซึ่งเรียกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงเก่งแห่งยุคคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะในขณะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ในยุคสมัยของเธอไม่ได้รับการศึกษาหรือโอกาสเท่าเทียมกับผู้ชายนัก เธอกลับมุ่งมั่นศึกษาค้นคว้าจนกระทั่งค้นพบรังสีเรเดียมที่สามารถยับยั้งการขยายตัวของโรคมะเร็งได้ในที่สุด จนเป็นผลให้เธอได้รับรางวัลโนเบล ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากความเฉลียวฉลาดของเธอแล้ว การอุทิศตัวให้สังคมของเธอก็ยังทำให้หลาย ๆ คนประทับใจอีกด้วย เพราะเธอเลือกที่จะไม่จดสิทธิบัตรสิ่งที่เธอค้นพบซึ่งจะทำให้เธอกลายเป็นเศรษฐีได้สบาย ๆ แต่กลับเลือกอุทิศตัวเพื่อส่วนรวมและค้นคว้าต่อไปจนกระทั่งเสียชีวิตจากการใกล้ชิดรังสีเรเดียมมากเกินไปในที่สุด
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
5. อัลเบิร์ต ไอสไตน์ (Albert Einstein)
 
        คงไม่มีใครไม่รู้จักนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1879 (พ.ศ. 2422) และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1955 (พ.ศ. 2498) ในขณะที่มีอายุ 77 ปี คนนี้ ซึ่งถึงแม้เขาจะเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่คนทั่วโลกรู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่ที่จริงแล้วเขาเคยเป็นเด็กที่มีปัญหาเรื่องการเรียนรู้มาก่อน โดยเขาไม่สามารถพูดได้จนกระทั่งอายุ 3 ขวบ และอ่านหนังสือออกเมื่อ 8 ขวบ จนไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จได้มากขนาดที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ รวมถึงสร้างทฤษฎีใหม่ ๆ มากมาย โดยเฉพาะผลงานเด่นเช่นทฤษฎีทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษที่อธิบายว่าเราทุกคนจะมองเห็นอัตราความเร็วแสงได้ในระยะเท่ากัน และทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปซึ่งเป็นทฤษฎีที่อธิบายกฎแรงโน้มถ่วงในเชิงเรขาคณิต ซึ่งทำให้นักวิชาการหลายคนจับตามองจนได้รับรางวัลโนเบลในที่สุด
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
6. ชาลส์ ดาร์วิน (Charles Robert Darwin)
 
          ชาลส์ ดาร์วิน เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809 (พ.ศ. 2352) และเสียชีวิตลงในวัย 73 ปี ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1882 (พ.ศ. 2425) ซึ่งจนกระทั่งยุคปัจจุบัน ทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติคนนี้คิดค้นขึ้นก็งยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ เพราะมีทั้งคนที่ยอมรับและโต้แย้งในเวลาเดียวกัน โดยดาร์วินได้เขียนนังสือเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสัตว์ต่าง ๆ ขึ้นมา ซึ่งอ้างว่าสัตว์ทั้งหลายจะปรับสภาพร่างกายเพื่อให้เข้ากับการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมทำให้มีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นวิวัฒนาการ ซึ่งแม้ในปัจจุบันเขาจะได้รับยกย่องเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะคนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็ยังมีผู้ที่ปฏิเสธแนวคิดของเขาเช่นกัน
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
7. โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison)
 
          เชื่อเถอะว่าในบ้านของเราต้องมีสิ่งประดิษฐ์ของ โทมัส อัลวา เอดิสัน กันทุกคนแน่นอน เพราะนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1847 (พ.ศ. 2390) และเสียชีวิตในวัย 84 ปี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1931 (พ.ศ. 2474) คนนี้ เป็นเจ้าของสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์มากมายที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันกว่า 1,000 ชิ้น โดยเฉพาะการคิดค้นหลอดไฟที่เป็นผลงานชิ้นเอก แม้ว่าเขาจะมีปัญหาเรื่องการเรียนรู้ทำให้อ่านหนังสือไม่ออกจนกระทั่งอายุ 12 ปี และบกพร่องเรื่องการฟังหลังประสบอุบัติเหตุบนรถไฟก็ตาม 
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
8. นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)

          
นิโคลา เทสลา เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวโครเอเชียสัญชาติอเมริกัน ที่เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมค.ศ. 1856 (พ.ศ. 2399) และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1943 (พ.ศ. 2486) ในขณะที่มีอายุ 86 ปี โดยมีฉายาว่า "นักประดิษฐ์ที่โลกลืม" เพราะเป็นนักประดิษฐ์คนสำคัญแต่กลับมีน้อยคนที่รู้จัก หรือถูกรู้จักในฐานะนักวิทยาศาสตร์เพี้ยนจากการที่เขามีปัญหาในการเข้าสังคม มากกว่าจะสนใจผลงานของเขาที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้คนอื่น ๆ ซึ่งเขาเป็นผู้ประดิษฐ์ขดลวดเทสลา หรือ Tesla coil ซึ่งเป็นหม้อแปลงที่สามารถแรงดันไฟฟ้าสูง แถมยังเป็นผู้ค้นพบวิธีการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นสนามไฟฟ้า จึงเป็นที่มาของหน่วยวัดสนามแม่เหล็กเทสลา อีกทั้งยังเป็นผู้ค้นพบวิธีการสื่อสารแบบไร้สายอีกด้วย

10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก
 
9. กูกลิเอลโม มาร์โคนี (Guglielmo Marconi)
 
          นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีซึ่งเกิดเมื่อวันที่  25 เมษายน ค.ศ. 1874 (พ.ศ. 2417) และเสียชีวิตลงในขณะอายุ 63 ปี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1937 (พ.ศ. 2480) คนนี้ คือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตวิทยุคนแรกของโลกอย่างเป็นทางการ ซึ่ง กูกลิเอลโม มาร์โคนี ก็ได้ฉายแววความฉลาดมาตั้งแต่เด็กจากการสนใจเรื่องไฟฟ้าอยู่เสมอ จนพ่อของเขาสนับสนุนด้วยการจ้างครูพิเศษมาสอนเรื่องไฟฟ้าให้กับเขาโดยเฉพาะ และจากความสำเร็จของผลงานชิ้นสำคัญนี้ก็ได้เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นเศรษฐีจากการเปิดบริษัทวิทยุโทรเลขมาร์โคนีในที่สุด
 
10 สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากทั่วโลก 

10. อริสโตเติล (Aristotle)
 
          สุดท้ายนี้คือคนที่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกในยุคสมัยเริ่มแรกของวิทยาศาสตร์อย่างนักวิทยาศาตร์ชาวกรีกซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 384 - 322 ปีก่อนคริสตศักราชอย่าง อริสโตเติล นั่นเอง ซึ่งเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญรอบด้านในหลายสาขา เช่น ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ วรรณกรรม และชีววิทยา โดยไหวพริบของอริสโตเติลนั้นทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกของอัจฉริยะอย่างเพลโต ตั้งแต่อยู่ในวัย 18 ปีโดยผลงานที่เด่นที่สุดของเขาเห็นจะเป็นด้านชีววิทยา ซึ่งเขาเป็นผู้จำแนกประเภทของสัตว์ตามลักษณะออกเป็น 2 ประเภท คือ พวกที่มีกระดูกสันหลังและพวกที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ทำให้ผู้คนนับถือความสามารถจนได้เป็นพระอาจารย์และพระสหายสนิทของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
 
    

20เมืองที่สวยที่สุดในโลก

                                                                                                               20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก

     

20. NEW YORK, USA
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
เมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะมากมาย แสงไฟที่กระตุ้นความรู้สึกและภูมิทัศน์ของเมืองที่ยากที่จะหาจากที่อื่นในโลก แมนฮัตตันได้กำหนดความคิดของสิ่งปลูกสร้างของเมืองสมัยใหม่ที่ควรจะเป็น
19. FUNCHAL
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
เมืองหลวงของเกาะนอกชายฝั่งของแอฟริกาเหนือ ฟุงชาลอิทธิพลของโปรตุเกสเป็นที่เห็นได้ชัด
18. SINGAPORE, SINGAPORE
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
สิงคโปร์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สะอาดบริสุทธิ์ เนื่องจากมีบทลงโทษที่รุนแรงต่อการทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง
17. WASHINGTON DC, USA
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
ออกแบบมาเพื่อสร้างความประทับใจ เมืองหลวงของอเมริกาประกอบไปด้วยอาคารนีโอคลาสสิก น่าจะเป็นเมืองที่สะอาดที่สุดของอเมริกา มีดอกซากุระญี่ปุ่นที่ทำให้บรรยากาศสดชื่นยิ่งขึ้น
16. BUENOS AIRES, ARGENTINA
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
เมืองหลวงของอาร์เจนตินาเคยเป็นโรงไฟฟ้าทางเศรษฐกิจในช่วงปลายทศวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นที่มาของสถาปัตยกรรมที่สวยงามเหล่านี้
15. EDINBURGH, UK
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
เมืองหลวงของสก็อตแลนด์นี้เป็นทุกอย่างที่ใครจะคาดหวัง มีปราสาทใหญ่ อนุสาวรีย์โกธิคมืดและขวาผาในช่วงกลางของเมือง
14. VIENNA, AUSTRIA
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
ทุกอย่างในเมืองนี้ล้วนมีความสวยงามจากประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน
13. PRAGUE, CZECH REPUBLIC
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
ไม่มีที่ไหนในโลกยังคงความเป็นโบฮีเมียเท่ากรุงปราก อดีตเมืองหลวงของโบฮีเมียและเมืองหลวงปัจจุบันของสาธารณรัฐเช็ก ด้วยประวัติที่ยาวนานกว่า 1,000 ปี ทำให้มันไม่น่าแปลกใจกับสถาปัตยกรรมที่งดงามของเมืองนี้
12. STOCKHOLM, SWEDEN
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
สวีเดนไม่ได้เป็นเพียงเมืองที่มีชื่อเสียงสำหรับ Ikea, metballs และ ABBA ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นเมืองที่น่ารักที่สุดในโลกเมืองหนึ่ง
11. VANCOUVER, CANADA
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
แวนคูเวอร์ตั้งอยู่บนคาบสมุทร Burrard และได้อยู่ในอันดับต้นๆของ 'เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก'
10. ST PETERSBURG, RUSSIA
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
หนึ่งในเมืองศิลปะที่ยิ่งใหญ่ของโลก
9. SAN FRANCISCO, USA
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
สะพาน Golden Gate เป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง
8. BARCELONA, SPAIN
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงความงามทางสถาปัตยกรรม มันยังตั้งอยู่อย่างสวยงามบนทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
7. HONG KONG, CHINA
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
มุมมองในเวลากลางคืนข้ามอ่าวเกาลูนเป็นที่น่าทึ่งกับพันล้านของไฟหลากสี ฮ่องกงมีตึกระฟ้ามากกว่าเมืองอื่น ๆ ในโลกแม้ตีนิวยอร์ก
6. SYDNEY, AUSTRALIA
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
อัญมณีแห่งออสเตรเลีย ท่าเรือที่มีชื่อเสียงระดับโลก เส้นขอบฟ้าที่สวยงามและโดดเด่นที่สุดของโลกที่โอเปร่าเฮ้าส์
5. ROME, ITALY
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
สถานที่โบราณเช่น Colloseum, Forum, The Palatine Hill และ Hadrian’s Villa ถือเป็นที่ดีที่สุดของสถ​​าปัตยกรรมยุคเรอเนสซ​​องเช่น Piazza Navona, น้ำพุเทรวี่, พิพิธภัณฑ์วาติกัน, Villa Borghese และอีกมากมาย ทั้งหมดทำให้โรมเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยงามที่สุดในโลก
4. PARIS, FRANCE
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
Ah ปารีส! ใครไม่รักเมืองแห่งแสง? Montmartre, แวร์ซาย, Champs-Élysées - ชื่อของสถ​​านที่สำคัญของเมืองเป็นเรื่องของตำนานและโรแมนติก
3. ISTANBUL, TURKEY
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
น่าจะเป็นเพียงเมืองใหญ่เมืองเดียวที่ตั้งอยู่บนสองทวีป มีการแบ่งขั้วทางวัฒนธรรมที่แสดงให้เห็นทุกที่ในอิสตันบูล
2. RIO DE JANEIRO
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
ไม่มีคำถามใดในเมืองที่ตั้งอยู่อย่างสวยงามในโลก ระหว่างชายหาดที่สวยงามของภูเขาและป่าไม้เขตร้อนเขียวชอุ่มและเป็นมหาสมุทรแอตแลนติก
1. CAPE TOWN, SOUTH AFRICA
20 เมืองที่สวยที่สุดในโลก
อิทธิพลของสถ​​าปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่หลากหลายจากแอฟริกา, ยุโรปและเอเชียได้ละลายเข้าด้วยกันมานานหลายศตวรรษ ความหลากหลายนี้ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดในโลก

ที่มา : buzzfeed

ธงประจำชาติไทย

ธงประจำชาติไทย

ความหมายของสีในธงชาติไทย
ธงชาติไทยประกอบไปด้วย 3 สี 5 แถบ ซึ่งมีความหมายดังนี้
1. สีแดง หมายถึง ชาติ หรือความเป็นชนชาติไทย ความเป็นแผ่นดินไทย
2. สีขาว หมายถึง ศาสนา หรือลัทธิความเชื่ออันบริสุทธิ์
3. สีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐต่อประเทศชาติและอาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง
ส่วนสาเหตุที่ออกแบบให้เป็นธง 5 แถบนั้นก็ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้นว่า เพื่อให้เกิดความสมมาตร ไม่ว่าจะชักธงขึ้นด้วยด้านหน้า ด้านหลัง กลับหัวกลับหางอย่างไร ธงชาติไทยของเราก็จะปรากฏให้เห็นเป็นแบบเดิมทุกประการ ซึ่งนับได้ว่าเป็นทรงมีพระปรีชาชาญในการออกแบบเป็นอย่างมาก และแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาที่ฉลาดล้ำลึกของบรรพบุรุษไทย
ธงชาติไทย

ปริศนาโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ประมาณ17000ปี

ปริศนาโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ประมาณ 17,000 ปี

                                   ปริศนาโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ประมาณ 17,000 ปี

ประวัติศาสตร์โลกที่เราเรียนกันมาตามตำราเรียนนั้น ย้อนหลังไปอย่างมากเพียงสองถีงสามพันปี
และเต็มไปด้วยการทำสงคราม แย่งชิงความเป็นใหญ่ และ สร้างความแตกแยก  
ในความเป็นจริงนั้นประวัติศาสตร์โลกมีหลายมิติ และ ลีกกว่าสี่งที่เราเรียน  
อีกทั้งยังมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ อีกหลายชิ้นที่ขัดแย้งกับเรื่องราวที่ถูกบันทีกไว้ในตำราเรียน  
โดยเฉพาะเรื่องของวิวัฒนาการของมนุษย์ตั้งแต่สมัยอดีตจนถีงปัจจุบัน  
เราต้องเริ่มต้นจากการวิเคราะห์โบราณสถานที่สำคัญของโลก
เพื่อที่จะเข้าใจศักยภาพของมนุษย์โบราณ และประวัติศาสตร์ที่คนเหล่านั้นทำขี้น
ซี่งไม่ตรงกับตำราที่เราเรียนกันอยู่ในปัจจุบัน

โบราณสถานที่สร้างด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ปิรามิด 
จากหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ที่เราเรียนกันมาสอนว่า
ปิรามิดสร้างขี้นมาจากการใช้แรงงานทาสและใช้เครื่องมือโลหะเช่น ทองแดงในการตัดหิน
การก่อสร้างต้องทำรางเพี่อเข็นหินขี้นไปวางตามตำแหน่งที่ต้องการ 
และประวัติไม่ค่อยกล่าวถีงปิรามิดที่อี่น
การจะพิสูจน์ข้อสรุปนี้ เราต้องวิเคราะห์จากหลักฐานทางโบราณคดี
และใช้คณิตศาสตร์และฟิสิกส์คิด จากพี้นที่ทั้งหมด 5.3 ตารางกิโลเมตร มีความสูง 146.6 เมตร 
คำนวณปริมาตรทั้งหมดเทียบกับหินแต่ละก้อนที่ไปวางที่มีน้ำหนักโดยเฉลี่ยมากกว่าหนี่งตัน 
จะพบว่าปิรามิดมีหินทั้งหมดประมาณ 2.3 ล้านก้อน ในความเป็นจริงแล้วบางก้อน
มีขนาดใหญ่กว่านั้นมาก ในประวัติศาสตร์ที่เขียนไว้บ่งบอกว่าใช้เวลาการก่อสร้าง 20 ปี 
ดังนั้นถ้าใช้สมมุติฐานที่ว่าคนก่อสร้างทำงานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 20 ปีนั้น
จะต้องนำหินที่ตัดได้ขนาดเอาไปวางที่ปิรามิดทุกๆ 2 นาที
โดยที่ไม่หยุดพักผ่อน ถ้าคนเหล่านี้ต้องหลับนอนเวลาที่สร้างก็ต้องลดลงไปอีก 
นอกจากเรียงหินได้รูปร่างแล้วความเที่ยงตรงของหินทั้งหมดก็ต้องสูงมาก
เพราะ จากหลักฐานภาพถ่ายดาวเทียมพบว่าความเที่ยงตรง
จากปลายยอดปิรามิดไปที่ฐานนั้นคลาดเคลื่อนไปเพียง 6 มิลลิเมตร
ปิรามิดเองก็ทรุดตัวลงเล็กน้อยในระยะเวลาหลายพันปี 
ซี่งน้อยกว่าสิ่งก่อสร้างปัจจุบันที่ทรุดตัวมากกว่าและความเที่ยงตรงในการสร้างน้อยกว่า
 จากรายงานในปี 2010 นี้เองยังพบว่าปิรามิดไม่ได้สร้างจากการใช้แรงงานทาสอีกด้วย 
จากการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เช่นนี้
แล้วสรุปได้ว่าประวัติศาสตร์ที่เราเรียนมามีความบิดเบือนจากความเป็นจริง 
และไม่มีความพยายามที่จะแก้ไขให้ตรงแม้ความจริงทั้งหลายจะเริ่มปรากฏออกมา 
อีกทั้งนักโบราณคดีส่วนใหญ่ถูกสอนความเชื่อที่ผิดกันมาตั้งแต่อายุยังน้อย
และ จะพยายามทำงานวิจัยเพี่อสนับสนุนความเชื่อนี้หรือเพื่อตอบสนองความอยู่รอดในระบบ


ข้อมูลเพิ่มเติม: ปิรามิดกีซ่ากับความเชื่อมโยงกับดวงดาว ข้อมูลทางคณิตศาสตร์เกี่ยวกับปิรามิด
Baalbek, Lebanon นอกจากจะมีสี่งก่อสร้างอย่างปิรามิดแล้ว  
ยังมีสิ่งก่อสร้างอย่างอี่นที่แสดงถีงศักยภาพที่มนุษย์ปัจจุบันไม่มี 
นั้นคือความสามารถในการยกหินที่มีขนาดใหญ่หลายร้อยตันได้
สิ่งก่อสร้างที่ Baalbek นั้นก็เป็นสี่งก่อสร้างอีกชิ้นหนี่งซี่งคล้ายกับการก่อสร้างที่กรีกและโรมัน 
แต่มีความใหญ่โตกว่าประมาณ 2 เท่าหินที่ใช้ในการวางรากฐานของอาคารหนี่งก้อน
นั้นมีขนาดใหญ่ประมาณตีก 5 ชั้น และ มีน้ำหนักหลายร้อยตันหรือประมาณการไม่ได้ 
มีหลักฐานว่าได้มีการเคลื่่อนย้ายหินนี้เป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร 
ขนาดของหินนั้นใหญ่เกินกว่าที่รถเครนที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะยกได้ 
ไม้ซุงก็ไม่สามารถใช้ในการเป็นล้อในการขนย้ายได้
เนี่องจากน้ำหนักของหินนั้นสามารถบดไม้ได้ละเอียด 
หลักฐานชิ้นนี้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งบอกว่า
 มนุษย์สมัยโบราณมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูงกว่าปัจจุบัน 
และพวกเราควรจะตั้งคำถามว่าทำไมสิ่งก่อสร้างนี้ถีงไม่ได้บรรจุใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
และ ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในตำราเรียน ขนาดของสิ่งก่อสร้างเทียบกับมนุษย์

 
Tiahuanaco เป็นสถานที่โบราณที่มีอายุเก่าแก่ประมาณ 17,000 ปี
ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการตัดหิน ถูกสร้างขี้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
สถานที่แห่งนี้อยู่ในประเทศโบริเวียร์ (Bolivia) ทวิปอเมริกาใต้
ประกอบด้วยโบราณสถานทีสำคัญเช่นประตูของพระอาทิตย์
ซ๊่งใช้เป็นปฏฺิทินโบราณสร้างด้วยหินเพียงก้อนเดียว
 ในบริเวณเดียวกันยังมีวัดและปิรามิด ซี่งวัสดุที่ใช้นั้นเป็นหินขนาดใหญ่
ตัดเป็นรูปทรงที่ต้องกาแล้วนำมาวางต่อกันได้อย่างเที่ยงตรง
 

ภาพในมุมสูงของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ 


 



ประตูของพระอาทิตย์ สร้างขี้นโดยมีตำแหน่งอ้างอิงกับดวงอาทิตย์และเป็นปฏิทินของคนโบราณ


ตัวอย่างก้อนหินที่ใต้ในการสร้างนี้มีรอยเส้นขนาดกว้าง 6 มิลลิเมตรลากยาวเป็นเส้นตรงด้วยความลึกที่สม่ำเสมอมาก ซี่งเครื่องมือโบราณทั่วไปทำไม่ได้


Source: Jean-Pierre Protzen & Stella E.Nair, “On Reconstructing Tiwanaku Architecture”, Jpurnal of the Society of Architectural Historians, Vol. 59, Nr.3, 2000, pp. 358-371





อาหารประจำชาติไทย

อาหารประจำชาติไทย

อาหารประจําชาติ ไทย ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong)
ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong) เป็นอาหารที่โด่งดังมากที่สุดของประเทศไทย ชาวต่างชาติจะรู้จักต้มยำกุ้งมากกว่าต้มยำชนิดอื่น ๆ การปรุงต้มยำกุ้งจะเน้นรสชาติเปรี้ยวและเผ็ดเป็นหลัก จะออกเค็มและหวานเล็กน้อย มีเครื่องเทศที่ใส่ในน้ำแกงที่สำคัญคือ ใบมะกรูด ตะไคร้ ส่วนผักที่นิยมใส่ในต้มยำ ได้แก่ มะเขือเทศ เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า ใบผักชี ส่วนเครื่องปรุงที่จำเป็นต้องใส่ คือ มะนาว น้ำปลา น้ำตาล และน้ำพริกเผา
เนื่องจากต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยว และเผ็ดเป็นหลัก ทำให้รับประทานแล้วไม่เลี่ยน จึงทำให้ต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในทั่วทุกภาคของประเทศไทย รวมถึงชาวต่างชาติเองก็ติดอกติดใจในความอร่อยของต้มยำกุ้งเช่นเดียวกัน

ดอกไม้ประจำชาติไทย

ดอกไม้ประจำชาติไทย

   เนื่องจาก ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองชูช่อ ดูสง่างาม อีกทั้งยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของในหลวง" และมีการลงนามให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้พื้นเมืองของเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย พม่า และศรีลังกา โดยนิยมปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่โล่งแจ้ง และเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด จนกระทั่งมีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2544

ธงชัย เหล็กแดง 5

ธงชัย เหล็กแดง 4

ํธงชัย เหล็กแดง 3

ํธงชัย เหล็กแดง 2

ธงชัย เหล็กแดง 1

การแต่งกายของไทย

การแต่งกายของไทย
   ชาติไทย เป็นชาติใหญ่ใน เอเชีย มาแต่ก่อน พุทธกาล เรามีแบบ เครื่องแต่งกาย ของเรา โดยไม่ได้ ลอกแบบ ใคร ทั้งสิ้น ไทยสมัย นั้น ชายหญิง ตาม การสันนิษฐาน ว่า นุ่งกางเกง กันเป็นพื้น เราเคยเข้าใจว่า จีนนุ่งกางเกง มาก่อนไทย เพราะมีคำว่า ”กางเกงจีน” ทำให้เราเข้าใจเช่นนั้น แท้จริงแล้ว จีน น่าจะลอกแบบ ไปจากไทย ด้วยซ้ำ ตามหลักฐาน การค้นคว้า ภายหลังทำให้ทราบชัดขึ้นว่า ไทยไม่ได้ เชื้อสาย มองโกเลีย กับจีน แต่ไทยเรา น่าจะเป็น เชื้อสาย กับ ”มาเลเซีย” มากกว่า และก็ได้แผ่ขยายขึ้นไปจาก แผ่นดิน แหลมทอง ไม่ได้ลงมาจากเหนือ สิ่งที่เป็น พยานหลักฐาน นับว่าได้แก่ บรรดา เครื่องมือดิน และ พวกภาชนะ เครื่องปั้นดินเผา นั่นเอง ทั้งจีนเองก็เพิ่ง เคลื่อนย้าย มาอยู่ ตามแถบ แม่น้ำไหล ( สาขาของ แม่น้ำ แยงซีเกียง ) เรื่องราว 2000 ปี ก่อนพุทธศก นี้เอง แต่ไทยเรา ครอบครองแดน จีน มา ไม่ต่ำกว่า 4500 ปีแล้ว การแต่งกาย ของจีน นั้น รุ่มร่มกว่า เพราะต้องอยู่กับอากาศหนาว และต้องผ่าน ทะเลทราย โคบี อันไพศาล มาด้วย ประกอบกับ ไทยต้องอยู่ในประเทศ ลุ่มๆ ดอนๆ จึงจำต้อง แต่งกาย ให้เหมาะสม และสะดวก ใน การเดินทาง ซึ่งในสมัยนั้น จะดีกว่า การเดินเท้าเปล่า ก็เพียงเลื่อน และ เกวียน การแต่งกาย จึงขึ้นอยู่กับ การอาชีพ สภาพของ ดินฟ้าอากาศ และ ภูมิประเทศ นี่เป็น การสันนิษฐาน เรื่องไทย นุ่งกางเกง มาก่อน

    

ประกาศผลคนที่ได้เป็น เดอะสตาร์ 3-6

สวนดอกไม้ในฝัน10อันดับสวนสวยที่น่าไปที่สุด

สวนดอกไม้ในฝัน 10 อันดับสวนสวยที่น่าไปที่สุด

1. Parc de la Tete d'Or (ฝรั่งเศส)

สวนดอกไม้ ฝรั่งเศสCr. www.en.lyon-france.com
Parc de la Tete d'Or ชื่อนี้มาจากตำนานรูปปั้น Golden Head สวนสาธารณะใน Lyon ฝรั่งเศส เป็นสวนกว้างใหญ่บนพื้นที่ 289 เอเคอร์ 
โดยเฉพาะไฮไลท์ของที่นี่ก็คือสวนกุหลาบที่สวยงามมาก มีมากกว่า 450 สายพันธุ์ จำนวน 16,000 ต้น

2. David Austin Rose Gardens (อังกฤษ)

สวนดอกไม้ อังกฤษ
Cr. professionalgardenphotographers
ได้ปรับปรุงดอกกุหลาบสายพันธุ์ใหม่ๆ จนชนะรางวัล breeder and specialist grower David Austin
ซึ่งได้พัฒนาพันธุ์กุหลาบของอังกฤษมา 50 ปี และส่งออกไปทั่วยุโรป

3. Kenrokuen (ญี่ปุ่น)

สวนดอกไม้ ญี่ปุ่น
Cr. photojournaljapan.wordpress.com
เป็นสวยที่อยู่บริเวณรอบๆ ของปราสาทคานาซาว่า ถือว่าเป็นสวนที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น มีน้ำตก ลำธารที่คดเคี้ยว สะพาน 
ท่ามกลางความสวยงามของดอกซากุระ

4. Monet Garden (ฝรั่งเศส)

สวนดอกไม้ ฝรั่งเศสCr. giverny.org
สวนของโมเนต์ นักวาดรูปชื่อดังของชาวฝรั่งเศส ซึ่งโมเนต์ได้ซื้อบ้านและเปลี่ยนที่ดินแห่งนี้ให้เป็นสวนสวย
เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการวาดภาพของเขาเอง

5. Abbey Garden island (อังกฤษ)

สวนดอกไม้ อังกฤษ
Cr. scillytoday
เป็นสวนที่สร้างขึ้นในปี 1800 เป็นสวนกลางแจ้งที่มีความหลากหลายของพืชและสัตว์ในเขตร้อนในแถบซีกโลกเหนือ 
และจากอีกหลายที่ทั้งแมกซิกัน ออสเตรเบีย แอฟริกาใต้ เป็นต้น

6. Roseto Comunale (กรุงโรม อิตาลี)

สวนดอกไม้ โรม อิตาลี
Cr. floristanavarro
สวนกุหลาบในกรุงโรม สร้างขึ้นในปี 1950 ได้ถูกออกแบบ ประดับตกแต่งด้วยต้นไม้ดอกไม้อย่างสวยงาม

7. Butchart Gardens (โคลัมเบีย)

สวนดอกไม้ โคลัมเบีย
Cr. panoramio
ถูกสร้างขึ้นภายในเหมืองร้าง หลังจากหินปูนในเหมืองนี้ได้ถูกขุดไปใช้จนหมดแล้ว ก็ได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ 
เป็นทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้หลากสีที่งดงามมาก

8. Garden Kingdom Dessau-Woerlitz (เยอรมนี)

สวนดอกไม้ เยอรมนี
Cr. blog.young-germany.de
เป็นสวนโดยรอบปราสาทเก่าแก่ อยู่ท่ามกลางทะเลสาบและป่าไม้เขียวขจี ที่ถูกบันทึกเป็นมรดกโลกในปี 2000

9. Peterhof Palace Garden (รัสเซีย)

สวนดอกไม้ รัสเซีย
Cr. pinterest
สวนในพระราชวังเซนต์ปีเตอร์สเบอร์ก รัสเซีย และน้ำพุหน้าพระราชวังที่สวยงาม

10. Egeskov Castle Garden (เดนมาร์ก)

สวนดอกไม้ เดนมาร์กCr. panoramio
สวนวงกตสีเขียวสวยงาม ท่ามกลางปราสาทเก่าแก่ ที่เดนมาร์ก